ยาแนวกระเบื้อง วิธีการยาแนวแบบละเอียด
ยาแนวกระเบื้อง วิธีการยาแนวแบบละเอียด
การยาแนวกระเบื้อง เป็นขั้นตอนสำคัญหลังการปูกระเบื้อง ช่วยป้องกันน้ำ ความชื้น ฝุ่นละออง และสิ่งสกปรก ไหลซึมลงตามร่องระหว่างกระเบื้อง ซึ่งอาจส่งผลต่อความสวยงาม และความแข็งแรงของพื้น ผนัง บทความนี้ จะนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับการยาแนวกระเบื้อง ประเภทของยาแนว วิธีการยาแนว ข้อควรระวัง และเคล็ดลับเพิ่มเติม
1. ประเภทของยาแนว - ยาแนวซีเมนต์: เป็นยาแนวที่นิยมใช้มากที่สุด ราคาประหยัด หาซื้อง่าย มีสีให้เลือกหลากหลาย แต่ข้อเสียคือ อาจเกิดคราบดำ ทำความสะอาดยาก และไม่ทนทานต่อกรด - ยาแนวอีพ็อกซี่: ยาแนวที่มีประสิทธิภาพสูง กันน้ำ กันเชื้อรา ทนทานต่อกรด ทำความสะอาดง่าย แต่ข้อเสียคือ ราคาค่อนข้างสูง และมีสีให้เลือกน้อยกว่ายาแนวประเภทอื่น - ยาแนวยาซิลิโคน: ยาแนวที่มีความยืดหยุ่นสูง เหมาะสำหรับพื้นที่ที่มีการเคลื่อนไหว หรือรอยต่อที่มีความกว้าง แต่ข้อเสียคือ ยาแนวชนิดนี้ ไม่สามารถกันน้ำ กันเชื้อรา ได้ดีเท่ากับยาแนวประเภทอื่น
2. วิธีการยาแนว - ทำความสะอาด: ทำความสะอาดร่องระหว่างกระเบื้องให้ปราศจากฝุ่นผง เศษวัสดุ หรือคราบสกปรก - เตรียมยาแนว: ผสมยาแนวตามอัตราส่วนที่แนะนำ คนให้เนื้อยาแนวเนียน ข้นพอเหมาะ - ยาแนว: เทยาแนวลงบนร่องกระเบื้อง ใช้เกรียงยาแนว เกลี่ยยาแนวให้เต็มร่อง - เช็ดคราบ: ใช้ผ้าเปียกเช็ดคราบยาแนวบนกระเบื้อง - รอให้แห้ง: รอให้ยาแนวแห้งสนิท อย่างน้อย 24 ชั่วโมง
3. ข้อควรระวัง - ควรเลือกยาแนวให้เหมาะสมกับประเภทของกระเบื้อง พื้นที่ใช้งาน และสภาพอากาศ - ควรผสมยาแนวตามอัตราส่วนที่แนะนำ ไม่ควรผสมน้ำมากเกินไป เพราะจะทำให้ยาแนวไม่แข็งตัว - ควรยาแนวทันทีหลังปูกระเบื้อง ไม่ควรทิ้งไว้นาน เพราะจะทำให้ยาแนวแห้งตัว ยากต่อการยาแนว - ควรทำความสะอาดคราบยาแนวบนกระเบื้อง ทันทีหลังยาแนว เพื่อป้องกันคราบฝังแน่น
4. เคล็ดลับเพิ่มเติม *ยาแนวบางชนิด มีสีที่เข้มข้น อาจทำให้กระเบื้องดูหมองคล้ำ ควรเลือกสียาแนวที่อ่อนกว่าสีกระเบื้องเล็กน้อย *กรณีพื้นที่ที่มีน้ำขังบ่อย ควรเลือกใช้ยาแนวชนิดกันน้ำ หรือยาแนวอีพ็อกซี่ *ควรสวมถุงมือ และหน้ากากป้องกัน ระหว่างการยาแนว *เก็บยาแนวที่เหลือ ในภาชนะที่ปิดสนิท
โตเจริญพร ผู้เชี่ยวชาญด้านวัสดุก่อสร้าง พร้อมให้บริการคุณ |
บทความ